ไอซ์ ธมลวรรณ : แค่คนบ้าร้องเพลง ไม่ใช่เน็ตไอดอล

ice tamolwan 01มองแค่ภายนอก ไอซ์ ธมลวรรณ ก็เป็นสาวน้อยวัยใสๆที่ดูเป็นคนร่าเริงเฮฮาเหมือนกับวัยรุ่นคนอื่นๆตามปกติทั่วไป แต่ความน่าสนใจที่ทำให้ We Korat อยากนัดพูดคุยทำความรู้จักกับเธอ นั่นเป็นเพราะว่า facebook ของน้องไอซ์ มีจำนวนคนติดตามเธอเกือบหนึ่งล้านคน! (ประมาณ 990,000 ณ เวลาที่เขียนบทความนี้)

เกริ่นนำอีกซักเล็กน้อย น้องไอซ์มีผลงานร้องเพลงคัฟเวอร์มากมาย และยอดวิวคลิปที่มากที่สุดก็คือคลิปร้องคัฟเวอร์เพลงซาโยนาระของวง Mild ที่ตอนนี้มียอดวิวสูงกว่า 12 ล้านไปแล้ว!

บ่ายวันอาทิตย์ที่แดดแสนแรง เรามีนัดกับน้องไอซ์ที่ โรงเรียนดนตรี บี สตาร์ แห่งใหม่ แอร์เย็นๆช่วยทำให้คลายความร้อนจากอากาศภายนอกได้ แต่ที่ทำให้เราสบายใจมากกว่าคือรอยยิ้มที่ดูสดใสและแก่นแก้วของเธอ แม้ว่านี่จะเป็นเพียงการพบกันครั้งแรก

เพื่อไม่ให้เสียเวลา We Korat ขอพาคุณไปรู้จักน้องไอซ์ พร้อมกับเรากันเลย

ice tamolwan 02แนะนำตัวเองหน่อย

สวัสดีค่ะ ชื่อไอซ์นะคะ ธมลวรรณ กอบลาภธนากูล อายุ 17 ปีค่ะ ตอนนี้ศึกษาอยู่ชั้น ม.5 กำลังจะขึ้น ม.6 โรงเรียนบุญวัฒนาค่ะ

มองตัวเองว่ามีนิสัยยังไง

ไอซ์ว่าไอซ์เป็นคนตลกนะคะ เวลาอยู่กับคนอื่นจะไม่ค่อยเครียด ถึงจะมีเรื่องเครียดก็ไม่แสดงออกให้ใครเห็น แต่ถ้าอยู่คนเดียวจะเป็นคนคิดมาก ขี้นอย พารานอยเก่งมาก คิดไปนู่นคิดไปเรื่อย

คิดมากเรื่องอะไรเหรอ

ทุกเรื่องเลยค่ะ สมมติเวลาเราร้องเพลงไป แล้วมีคำติมานิดนึงจากคนอื่น อย่างเพลงนี้ร้องไม่โอเคเลย หนูก็มานั่งคิดกับตัวเองแล้วว่า เฮ้ย หนูทำอะไรผิด ตรงไหนที่หนูผิดแล้วเค้าไม่ชอบ ถ้ารู้แบบนี้จะถามเค้าเลยทันทีว่า ไม่ชอบตรงไหน เราจะได้ปรับได้ ถึงแม้จะเป็นแค่หนึ่งส่วนที่ไม่ชอบ อย่างถ้ามี 100 คน ไม่ชอบ 1 คน หนูก็ยังพยายามเก็บเอาคำของ 1 คนนั้นมาคิด มันคืออะไร ทำไมเราถึงทำให้เค้าไม่ชอบ

แล้วตอนนี้รับมือกับคำติพวกนี้ได้ดีขึ้นรึยัง

ถามว่าดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมั้ย ก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน เมื่อก่อนนี่ถึงขั้นนอนไม่หลับน่ะค่ะพี่ (หัวเราะ) คนติมาแบบนี้ เราคิดไปมากกว่านั้น แต่พอหลังๆได้คุยกับคุณแม่ ได้คุยกับครูโด่ง ว่าเราจะแก้ตรงนี้ยังไง ก็ใช้เป็นการรับฟังมากกว่า แล้วก็ไม่ต้องเก็บมาใส่ใจเยอะ คือเราทำของเราแบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วเราโอเคกับส่วนตรงนี้ เรามั่นใจว่าเราไม่มีอะไรที่ผิดมากเกินไป ก็จะบอกเค้าไปว่า เออ นี่อาจจะเป็นสไตล์การร้องของเรา ที่เราตั้งใจทำออกมาเป็นแบบนี้ ถ้าไม่ชอบเราก็ต้องขอโทษด้วย แต่ว่าให้เราปรับเปลี่ยนเราก็จะพยายามปรับในคลิปต่อๆไป

เริ่มรู้ตัวว่าชอบร้องเพลงตั้งแต่ตอนไหน

แม่เล่าให้ฟังว่าน่าจะเป็นช่วง 2 ขวบ (หัวเราะ) คือแม่ไอซ์เลี้ยงไอซ์มากับเพลงน่ะค่ะ ส่วนใหญ่จะอยู่บ้านกับแม่ 2 คน คุณพ่อออกไปทำงาน คุณแม่ก็จะเลี้ยงแบบนี้ เวลาที่แม่ต้องซักผ้า ตากผ้า ล้างจาน ก็จะปล่อยให้ไอซ์นอนแล้วก็เปิดเพลง คือเปิดเพลงเลี้ยงน่ะค่ะ (หัวเราะ) ฟังไปเรื่อยๆ ฟังทั้งวัน ช่วง 2 ขวบก็จะฮึมฮัมๆตาม แม่บอกร้องไม่รู้ถูกๆผิดๆ ประกวดจริงจังครั้งแรกน่าจะเป็นช่วง ป.4 แต่ก่อนไอซ์ชี้อายมากค่ะ คือไม่กล้าที่จะประกวด กลัว ไม่กล้าจับไมค์ สั่น ร้องอยู่แต่ในห้องน้ำ แต่ออกมาร้องจริงๆไม่ได้ คุณแม่แอบไปสมัครประกวดให้ แล้วชนะเลิศ คุณแม่ก็เลยยิ่งสนับสนุนต่อมาเรื่อยๆ

เพลงแรกที่จำว่าร้องได้

เพลง ขอให้เหมือนเดิม ของพี่ๆวง Budokan ชอบมากกก ร้องอยู่เพลงเดียว คือร้องฮึมฮัมได้ตั้งแต่เด็กก็เพลงนี้

พอรู้ตัวเองว่าเราจริงจังกับการร้องเพลง เราอยากเป็นนักร้อง รู้สึกว่านี่คือจุดมุ่งหมายในชีวิตละ เราอยากมีซิงเกิ้ลเป็นของตัวเอง ก็เลยเลือกที่จะเรียนให้เป็นเรื่องเป็นราว เหตุผลที่จะเรียน เคยไปประกวดเวทีนึง เข้ารอบ 10 คน แต่ไม่ชนะ โดนเค้าพูดใส่มาว่า ร้องแบบนี้ไม่ได้ เพราะว่าไม่มีครู พูดแบบนี้ (ทำเสียงตวาด) “ไม่ได้ เพราะว่าไม่มีครู ก็เลยไม่ได้” หนูก็แบบโกรธมาก ทำไมแค่เราไม่เรียนร้องเพลง ถึงขั้นแบบไม่ชนะเลยเหรอ หนูก็เลยลองเรียนดู พอมาเรียนมันก็ได้ปรับได้พัฒนาทักษะตัวเองด้วย อย่างไอซ์ร้องเสียงต่ำไม่ได้ ครูก็จะบอกว่า มีวิธีแก้นะที่จะให้ร้องเสียงต่ำได้ แต่เค้าก็จะไม่บังคับสไตล์การร้องของเรา จะปล่อยให้เป็นตัวเรา ที่บีสตาร์จะสอนแบบนี้ ไม่ให้เราไปก็อปคนอื่น

พอขึ้นมัธยม ในโรงเรียนไม่ค่อยมีประกวดร้องเพลง ก็เลยลองออกไปเวทีข้างนอก คุณแม่ก็บอก ลองดู ลองดูว่าเราจะทำได้แค่ไหน แต่ก็ไม่เคยชนะเลย เพิ่งมาชนะตอนรายการมาสเตอร์คีย์ ชค่ะ ช่วง ม.4 ปกติไม่เคยได้ที่ 1 เลย เพิ่งมาได้ที่นี่ที่แรก แล้วมันปั้ง คือมันเป็นเวทีใหญ่ ตอนนั้นเราคิดว่ามันใหญ่มาก เราก็ไม่ได้หวังเลยว่าจะทำได้ แต่ด้วยความที่รายการมาสเตอร์คีย์เป็นรายการช่วงกลางวัน คนดูไม่ได้มาก คนก็จะรู้กันไม่เยอะว่า เออ ไอซ์ประกวดรายการนี้นะ ชนะนะ ก็เป็นกระแสในโซเชี่ยลรอบตัว แต่พอไปเดินข้างนอก ก็แทบไม่ค่อยมีใครรู้จักเรา เหมือนมีดีกรีติดตัวเองเฉยๆ แต่กระแสของตัวเองยังไม่พุ่งมาก

ประกวดรายการมาสเตอร์คีย์เป็นยังไงบ้าง

ใช้เวลาประมาณ 4 เดือนน่ะค่ะ คือพอเราผ่านรอบออดิชั่น อาทิตย์นึงก็ต้องไปอัดเทปรายการสองวัน อังคารกับพฤหัส ช่วงนั้นจะเหนื่อยมากกกก(ลากเสียง) จันทร์เรียนเสร็จตอนเย็นไปกรุงเทพ อังคารอัดรายการเสร็จตอนเย็นรีบกลับมาเรียนวันพุธ พุธเย็นไปกรุงเทพเพื่อไปอัดของวันพฤหัส พฤหัสเย็นกลับมาเรียนวันศุกร์ แล้วพอถึงช่วงเป็นคอนเสิร์ตก็คือไปสดๆ มีคนดูจริงๆ ก็ไปแค่เสาร์อาทิตย์ พอช่วงคอนเสิร์ตก็จะสบายขึ้น

ice tamolwan 04
เพื่อนๆรู้มั้ยว่าเราชอบร้องเพลง

ตอนประถมจะไม่ค่อยรู้เพราะไม่กล้าร้องเพลง จะรู้ก็แค่ตอนประกวด พออยู่กับเพื่อนจะเงียบมาก ไม่เคยร้องให้เพื่อนฟัง แต่พอขึ้นมัธยม เริ่มมีความกล้ามากขึ้น พออยู่ในห้องเวลามีกิจกรรม เด็กมาใหม่ ม.1 ครูก็ถามว่ามีความสามารถพิเศษคืออะไร ครูก็เลยให้ออกไปร้องหน้าห้อง เพื่อนก็เริ่มรู้ ตอนนี้ก็ร้องประจำเลยค่ะ อยู่ว่างๆในห้องก็ร้องขึ้นมา

เริ่มทำคลิปลง facebook ตั้งแต่ตอนไหน

ก็น่าจะเป็นช่วง…(นึก) ผมสั้นๆ ติ่งๆ ม.ต้นน่ะค่ะ แต่ก่อนจะมีแอพโซเชี่ยลแคม หนูก็อัดลงของหนูเล่นๆไม่มีอะไรเลย ว่างก็ร้องเพลงอัดเล่น คนดูก็ดู ไม่ดูก็ไม่เป็นไร

ยอดคนตามเพิ่มขึ้นมาได้ยังไง

ช่วงแรกๆไอซ์มีคนfollow ประมาณ 1,000 คน ตอนนั้นดีใจมาก เฮ้ย! หลักพันละ เพราะเราก็อัพคลิปร้องเพลงลง facebook ตามปกติ มาจากเพื่อนเราฟัง เพื่อนเราชอบ เพื่อนเราก็แชร์ เพื่อนของเพื่อนก็แชร์ต่อ แต่ตอนนั้นก็ไม่น่าจะเกิน 20 แชร์ จะมีช่วงนึงที่ไอซ์อัดคลิปเพลง กอด ของพี่ๆวง Nos แล้วทีนี้ครูดาว เป็นครูสอนเต้นที่บีสตาร์นี่ล่ะค่ะ เค้าชอบเราร้องเพลงนี้ เค้าก็เลยส่งคลิปนี้ไปทาง U Like แล้วทีนี้เค้าเอาลง ด้วยความที่เพจนี้มีคนตามเยอะอยู่แล้ว พอเอาคลิปเราลงปุ๊บ แล้วคนเค้าคงชอบ ก็เลยทำให้คน follow จากพันนึง เป็นประมาณเกือบๆ หนึ่งหมื่น เราก็ตกใจมาก

หลังจากนั้นไอซ์ก็อัพคลิปตัวเองลง เป็นเพลง คำยินดีค่ะ คืออัดเล่นๆ ไม่มีอะไรเลย คือตั้งกล้องโทรศัพท์ปกติ ร้องตอนเรียนพละอยู่ กำลังรอเพื่อนสอบ ไอซ์ก็เลยร้องเล่นๆ มีหมาเดินผ่านข้างหลังด้วยนะคะ (หัวเราะ) เป็นหมาไม่ได้รับเชิญเลย เรียลมากกก เสียงเพื่อนกรี๊ดกร๊าด หนูก็จะอัพแบบนี้ปกติอยู่แล้ว แล้วทีนี้คลิปนี้ลงปุ๊บ คนแชร์เยอะมากขึ้น จากที่เรามีคน follow ประมาณเกือบหมื่น พุ่งไปประมาณสามสี่หมื่น คนก็เริ่มรู้จักเราจากคลิปนี้ เพิ่งปีที่แล้วเองค่ะ

ระยะเวลาของคน follow มันเร็วมากค่ะพี่ ใช้เวลาประมาณตั้งแต่กันยาปีที่แล้ว (กันยายน 2558) จนถึงปัจจุบันนี้ คน follow ก็เพิ่มขึ้นประมาณเก้าแสนกว่าคนค่ะ ขึ้นมาเยอะมาก หนูก็ตกใจว่าทำไมมันถึงขึ้นมาขนาดนั้น คือด้วยความที่เราร้องเพลงแล้วเค้าแชร์ไปเรื่อยๆน่ะค่ะพี่ คนก็เข้ามาดูเราทุกวันๆ ซึ่งเราทำคลิปปกติค่ะ ไม่ได้บ่อย ไม่ได้ถี่ อย่างหนูเมื่อก่อนเล่นกีตาร์ไม่เป็น ก็จะใช้วิธีแบบ วันนี้ไปเจอเพื่อนแล้วให้เพื่อนเล่นให้แล้วก็อัด เราก็ไม่ได้ไปเจอเพื่อนบ่อยขนาดนั้น บางทีเราก็ร้องสดคนเดียวลงไป แต่คนก็ไม่ค่อยฟังเราเยอะมากขนาดนั้น เมื่อก่อนคน like ใน facebook คลิปนึงก็ประมาณร้อยสองร้อย แต่พอหลังคลิป คำยินดี บูม (ลิงก์) คลิปนั้น like ประมาณแสนกว่า แล้วดูกันล้านสองล้านน่ะค่ะ หนูแบบช็อคมาก

ตอนนี้มองการทำคลิปเป็นยังไงบ้าง

แต่ก่อนเราแบบอัดคลิปเราคิดว่าเราตั้งตรงไหนก็ได้ เราจะผมกระเซิงเพิ่งตื่นแล้วอัด แต่ก่อนเราก็ทำได้ แต่พอหลังๆเรารู้สึกว่าคนติดตามเราเยอะขึ้นมากกว่าความคาดหมายของเรา คือเราควรที่จะแบบว่า ทำออกมาให้มันมีคุณภาพมั้ย คือหนูเชื่อแหล่ะว่า ที่ติดตามหนูเพราะหนูร้องเพลง เค้าก็คงอยากที่จะฟังผลงานดีๆ ให้เห็นว่าเราตั้งใจทำคลิป เราตั้งใจร้องเพลง ไม่ได้ตั้งใจอัดเล่นๆหัวๆลงเพื่อ อ่ะ วันนี้ลงนะ หนูว่าเค้าคงไม่อยากฟังแบบนั้นน่ะ

ถ้าเวลาที่หนูอัพลง youtube ของทางบีสตาร์ หนูก็จะพยายามทำให้มันดูจริงจังนะ มีไมค์มีแสง จัดนู่นจัดนี่ มีพร็อพเต็มไปหมด แต่ว่าเวลาหนูจะอัพของหนูเอง หนูก็จะทำให้มันเรียลจริงๆ สดจริงๆ ก็จะมีคนชอบ 2 แบบ ชอบเราแบบเรียลๆ แบบเราตั้งอัดเองเล่นเองสดๆ กับชอบที่เราเป็นแบบนี้ คือเราก็จะทำแยกไว้อยู่แล้ว สมมติสำหรับเพลงไหนที่หนูชอบ แต่ว่าคนอาจจะขอไม่เยอะ คนอาจจะไม่ค่อยอยากฟังเยอะ ไม่ใช่เพลงในกระแสน่ะค่ะ หนูก็จะอัดลงเล่นๆของหนูลง facebook ของหนู สั้นๆนาทีสองนาที แต่ถ้าเป็นเพลงที่เค้าขอมาเยอะๆอยากฟังเพลงนี้เต็มเพลง หนูก็จะอัดให้เค้าดีๆ เพราะว่าคนฟังบ่อยๆ ก็จะฟังใน youtube ซ้ำได้น่ะค่ะ

คิดยังไงกับที่คนบอกว่าเป็นเน็ตไอดอล

คนน่ะชอบคิดว่าหนูเป็นเน็ตไอดอล เอาจริงๆแล้วหนูไม่ใช่คนโลกสวยนะพี่ ส่วนตัวแล้วหนูว่าคำนี้มัน คือบุคคลในอินเตอร์เน็ตที่คนติดตามเยอะ ถ้าสมมติมีคนสถาปนาให้เป็นแบบนั้นก็โอเค หนูก็ขอบคุณมากค่ะ แต่ส่วนตัวแล้วหนูอยากให้เค้ารู้จักหนูเพราะหนูเป็นศิลปินมากกว่า หนูไม่เคยรู้สึกเลยว่าตัวเองดัง คือเวลาหนูไป The Mall หนูไปกินข้าวปกติ ไม่ได้ไปแบบใส่แว่นดำ คนอย่ามาถ่ายรูปค่ะ หนูก็ยังไปเที่ยวกับเพื่อน ไปดูหนัง กินข้าวปกติ แต่หนูก็ยังเคยโดนว่า ตอนแรกก็เป็นเหมือนปกติ พอเป็นเน็ตไอดอลแล้วทำไมหยิ่ง หนูก็จะตอบกลับเลยว่า เฮ้ย หนูไม่ได้หยิ่ง หนูก็เป็นคนธรรมดาปกติ ไม่ใช่เน็ตไอดอล คือคนมาติดตามหนูเพราะว่าหนูร้องเพลง หนูก็อยากให้รู้ว่าหนูเป็นนักร้องนะ

ตอนนี้มีคนไม่รู้จักกันมาทักเยอะขึ้นมั้ย

มีเยอะ เยอะมากค่ะ ด้วยความที่หนูไม่เคยมีมาก่อนมั้ง หนูก็เลยเรียกว่ามันเยอะ อย่างไป The Mall แล้ววันนั้นพนักงาน Sukishi ทัก “น้องไอซ์รึเปล่าคะ?” ทักแค่นั้น หนูปริ่มทั้งวันน่ะพี่ หนูแบบดีใจมาก แล้วก็มีไปเข้าค่ายต่างจังหวัดที่กาฬสินธุ์ ยังมีแฟนคลับซื้อขนมมาอย่างเงี้ย หนูแบบ เฮ้ยพี่ หนูไม่ใช่แบบนั้นนะ แต่ในความคิดของเค้าเค้าว่าเราเป็นคนที่แบบว่ามีชื่อเสียงแหล่ะ เค้าชื่นชอบผลงานของเรา แต่เราตกใจมากกว่าที่แบบ เค้าซื้อขนมมาให้เราเยอะขนาดนั้น หนูเป็นคนขี้เกรงใจคนน่ะพี่ แต่ว่าถ้าเราไม่รับมันก็น่าเกลียด เวลาหนูมีขนมหนูก็ให้เค้าคืนเหมือนกัน แต่ฟีดแบ็คในการที่แบบคนมาขอถ่ายรูปถามว่าเยอะมั้ย เยอะ เยอะมาก ยิ่งแบบเวลาไปร้องเพลงน่ะค่ะ มีงาน Buzz Lane เมื่อครั้งก่อน คนมาดูหนูเยอะมาก มาจากสกลนคร มาเพื่อดูหนูร้องเพลง เป็นแฟนคลับเหนียวแน่นน่ะค่ะ แล้วงานก็ดูอลังการ เค้ารู้ว่าเราร้องเพลงเค้าก็เลยมา

ice tamolwan 03ศิลปินในดวงใจ

พี่ Bowky Lion ค่ะ พี่เค้าเป็นศิลปินที่ดังจากการคัฟเวอร์ แล้วพี่เค้าเก่งที่ทำให้เพลงเป็นสไตล์ของตัวเองได้ เสียงมีเอกลักษณ์ แล้วพี่เค้าก็เป็นคนตรงๆ ไม่เฟค

แนวเพลงที่ชอบ

ไอซ์ชอบฟังป๊อปกับอาร์แอนด์บีค่ะ อย่างพี่ตู่ ภพธร พี่อ๊อฟ ปองศักดิ์ พี่ดา เอ็นโดรฟิน ชอบฟังแบบนั้น ไอซ์รู้สึกว่ามันเข้ากับตัวเองเวลาที่เราไปร้องเพลง คือจะให้ไอซ์ไปร้องเพลงแบบใสๆแบ๊วๆ คนชอบคิดว่าไอซ์เป็นแบบนั้น ส่วนตัวแล้วไอซ์ไม่ใช่แบบนั้น ส่วนใหญ่แล้วเพลงแบบนี้ คนไม่ค่อยฟังกัน ไอซ์ว่านะ คนก็จะชอบฟังเพลงป๊อปน่ารักๆ ที่ไอซ์ลงไปแบบนั้น เป็นทางของไอซ์ก็ส่วนนึง แต่ถามว่าเราชอบอะไร เราชอบทางอาร์แอนด์บีมากกว่า

มีโอกาสดูคอนเสิร์ตได้ยังไงบ้าง

ถ้าในผับก็เข้าไม่ได้น่ะค่ะ (หัวเราะ) จะดูตามงานอีเว้นท์มากกว่าน่ะค่ะ อย่างอีเว้นท์ที่ The Mall พี่กัน The Star มาก็จะไปดู แล้วก็เคยมีพี่กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ มางานของเบียร์ช้างที่เซฟวัน ปกติไอซ์ก็จะเข้าไม่ได้อยู่แล้ว แต่พี่กอล์ฟเค้าก็จะมีบัตร staff ให้ เค้าก็จะบอกว่าเรากับเค้ารู้จักกันนะ ไอซ์เข้าไปงานวันนั้น ไปดูพี่ดา เอ็นโดรฟิน ไปดูพี่โจอี้บอย พี่คิว วงฟลัวร์ ไอซ์ชอบมาก

แต่อันที่ประทับใจที่สุดคือ ไอซ์เคยไปดู The Star ซึ่งเป็นรายการที่ไอซ์อยากไปยืนมาก ไอซ์ไปดูแล้วเกิดความฮึก ฮึกมากพี่ เป็นเหมือนคนบ้าเลย คือพอดูในทีวีก็ฮึกพอตัวแล้ว เฮ้ย ถ้าเราได้ไปยืนตรงนั้นน่ะจะเป็นยังไง เพราะเป็นเวทีที่เราฝันมาตั้งแต่เด็ก ว่าเราต้องมีนามสกุลว่า The Star นะ เราจะต้องเข้าไปอยู่ตรงนั้นให้ได้ ไอซ์ซื้อบัตรไปดูที่ Impact Arena เมืองทองธานี อื้อหือ มันเป็นอะไรที่แบบ อลังการมากค่ะ เวทีใหญ่ ไฟแบบวึ่บๆๆ มีเสียงกรี๊ดจากคน มีป้ายไฟ มีบ้านแฟนคลับคนนั้นคนนี้ คือชอบดูแล้วจินตนาการว่า เฮ้ย! ถ้าเป็นตัวเราไปยืนตรงนั้นมันจะต้องแบบ… เป็นอะไรที่แบบ… ที่สุดในชีวิตแล้ว

มองอนาคตตัวเองยังไง

ก็คงไปทางนี้แหล่ะค่ะ ก็คงไปทางด้านนักร้องนักดนตรี เป้าหมายของหนูคือการที่หนูเป็นศิลปิน มีซิงเกิ้ลเป็นของตัวเอง มีคนรู้จักร้องเพลงของเราได้ ความฝันของหนูไม่ต้องให้มีคนมาชอบหนูมาก แค่เวลาหนูไปร้องเพลง หนูชอบเวลาที่คนร้องเพลงตามหนู หนูรู้สึกว่า เค้าตั้งใจฟังเราแล้วมีอารมณ์ร่วมไปกับเรา เราสามารถทำให้เค้าร้องตามได้ แล้วอนาคตหนูอยากมีเพลงของตัวเอง แล้วเค้าร้องเพลงของหนู เค้ารู้จักเพลงหนู แค่นี้หนูก็แบบ…โอเคแล้ว

มีคณะที่คิดจะเข้ามั้ย

คือหนูน่ะอยากเป็นนักร้องก็จริงค่ะ แต่เรื่องมหาลัยเนี่ยหนูก็ปรึกษาคุณแม่ คุณแม่ก็คงอยากให้มีงานที่เป็นหลักเป็นแหล่ง คือพูดถึงว่าอาชีพนี้ก็ไม่แน่นอนนะพี่ เราอาจจะดัง 3 ปี แล้วที่เหลือก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนั้น… ก็คงเลือกคณะที่มันโอเค มีงานรองรับ มองๆไว้ก็พวกทางการตลาดการบริหารมากกว่า ไอซ์อยากเปิดร้านอาหารด้วยน่ะค่ะ

โอเคกับชีวิตวัยรุ่นตัวเองมั้ย

หนูว่าหนูโอเคนะ แต่ว่ามันก็… คือหนูเรียนด้วย ทำงานด้วย เวลาว่างเราไม่เท่าคนอื่นเขา คนจะถามว่า เหนื่อยมั้ย ทำงานมันก็เหนื่อยน่ะค่ะ แต่เราชอบร้องเพลงน่ะ มันเป็นการเหนื่อยที่แฮปปี้กับสิ่งที่เราทำอยู่ หนูว่ามันคุ้มกับอายุหนู อีกสิบปียี่สิบปีข้างหน้า หนูกล้าเล่าให้คนอื่นฟังว่า ในช่วงที่หนูเด็กๆหนูทำอะไรบ้าง หนูมีอะไรเป็นจุดพลิกผันในชีวิต หนูกล้าพูดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับหนู

ยังสนิทกับเพื่อนๆรึเปล่า

ใช่ค่ะ เพื่อนก็ยังชอบถามว่า เฮ้ย มีงานร้องเพลงที่ไหน เดี๋ยวไปดู แต่ส่วนใหญ่เพื่อนสนิทไม่ค่อยดู เพื่อนไม่ค่อยอวย เพื่อนจะขัดขา โอ๊ย เบื่อ ได้ยินบ่อยแหละ ไม่ฟังหรอก เพื่อนจะเป็นอย่างนั้นมากกว่า(หัวเราะ) เวลาจะนัดกันไปไหน เค้าจะถามว่าไอซ์ว่างวันไหน ถ้าเราไม่ไปเค้าก็ไม่ไปกัน ก็จะเลื่อนไปแบบให้วันตรงกัน หนูจะมีเพื่อนสองกรุ๊ป คือเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่ประถมแล้วยังติดต่อกันอยู่ รู้จักกันตั้งแต่ ป.3 น่ะค่ะ จนกระทั่งขึ้น ม.6 ก็ยังสนิทกัน กับกลุ่มที่รู้จักกันตอนมัธยม สองกลุ่มนี้จะคล้ายๆกัน จะไม่ทิ้งกัน เวลามีงานร้องเพลงกลุ่มเพื่อนเก่าจะมาดูบ่อยเพราะไม่ได้เจอกันที่โรงเรียน ก็เลยหาเวลามาเจอมาคุยกันงานที่ไอซ์ร้องเพลง ส่วนเพื่อนมัธยม คือเวลาไอซ์ต้องไปอัดรายการ กลุ่มนี้ก็จะคอยจดเลคเชอร์ให้ ส่วนใหญ่พวกนี้จะไม่ค่อยไปดู แต่ดูแลเราเรื่องเรียน

เพื่อนมีผลกับยอดคนติดตามแค่ไหน

ไม่ (หัวเราะ) ไอซ์ไม่เคยให้เพื่อนช่วยแชร์เลย เวลาไอซ์ร้องเพลง คนน่ะแชร์เยอะ แต่ไปดูพวกเพื่อนๆ มันไม่เคยที่จะแชร์ไอซ์ร้องเพลงเลย คือมันรู้กันอยู่แล้วน่ะค่ะ (หัวเราะ) มันจะแชร์เฉพาะเพลงที่มันชอบ สมมติไอซ์ร้องเพลงนี้แล้วมันไม่ชอบ มันก็ไม่แชร์ ไลค์ยังไม่ไลค์เลย แต่ถ้าร้องเพลงนี้แล้วมันชอบ มันก็จะแบบ เออ ชอบที่ร้องเพลงนี้นะ แต่ส่วนใหญ่แล้วรำคาญกันมากกว่าค่ะ ร้องบ่อย อยู่ด้วยกันร้องกันบ่อยมากกกก พวกนี้ชอบแบบอำมากกว่า ไม่ชอบฟังหรอก แต่ก็สนับสนุนกัน สมมติมีคำติมาว่าร้องเพลงนี้ไม่ดี พวกนี้ก็จะคอยให้กำลังใจ เฮ้ย ไม่ต้องคิดมากหรอก มันก็จะพูดตลอด เราจะให้คนทั้งโลกมาชอบไม่ได้ หนูจะเป็นคนขี้นอย แต่พออยู่กับเพื่อนกลุ่มนี้แล้วไม่ค่อยนอยเท่าไหร่

ice tamolwan 09มีความรักอยู่รึเปล่า

ตอนนี้ อ๋อค่ะ…(ยิ้ม) มีค่ะมีคุยๆ มีแอบชอบเค้าาาาา

สเป็คผู้ชายที่ชอบล่ะมีมั้ย

ชอบผู้ชายจัดฟัน (หัวเราะ) ใช่ ชอบผู้ชายจัดฟัน หนูแพ้มาก (หัวเราะ)

มีคนมาจีบเยอะมั้ย

คือเมื่อก่อนหนูเป็นเด็กบ้านๆปกติเลย ดำมาก แต่ก่อนไม่ได้ดูแลตัวเองเลย ผมสั้น ดำ ตอนนั้นยังไม่จัดฟัน โห คนนี่ไม่มองเลยนะ (หัวเราะ) พอเราเริ่มดูแลตัวเอง เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ คนก็เริ่มเข้ามาบ้าง สักพักพอเริ่มดัง โอ้โหพี่ ฟึ่บเลย เข้ามาเยอะมาก ไม่รู้หนูคิดลบรึเปล่านะคะ คืออย่างบางคน แต่ก่อนเราเห็นกันปกติ สมมติมีรุ่นพี่ในโรงเรียนก็เห็นหน้ากันปกติ แต่พอเราดัง ท่าทีเปลี่ยนจากที่แต่ก่อนมองปกติ แต่พอเราเริ่มมีชื่อเสียงแล้วมองเราอีกแบบนึง เราก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า ชอบเราเพราะว่าเราเป็นเรา หรือชอบเราเพราะว่าเราดัง

รับมือยากมั้ย

สำหรับตัวหนู ไม่ยากค่ะ หนูใช้คำว่าหนูไม่เปิดรับใครดีกว่า(หัวเราะ) ถามว่าหนูคุยมั้ย หนูคุย ทักเข้ามาปกติเราก็คุยที่เราคุยได้ แต่พอหลังๆเริ่มแบบขอ line ได้มั้ย เราเริ่มปัดแล้ว โอเค ไม่ได้น้า คือพอเวลาเค้ามีท่าทีที่เราคิดว่าไม่ใช่แล้ว เราก็จะตัดบทเลย แต่หนูก็พูดรักษาน้ำใจอยู่ ไม่ใช่แบบ เฮ้ย! อย่ามายุ่งนะ ก็คือให้รู้ว่าเราไม่โอเคกับแบบนี้

มีพี่ทอมมาจีบป่ะ

โอโห้ (ดังมาก) เยอะมาก พอๆกับผู้ชายเลยน่ะค่ะ คือมาแบบ หนูเคยไปร้องเพลงที่ร้านร้านนึง มาเป็นช่อดอกไม้เลยพี่ หนูแบบ ฮึ่ย!… ตอนนั้นช็อคมากกว่า หนูก็ขอบคุณปกติ พอแสดงเสร็จหนูก็เจอ คนนี้แน่นอน นั่งยิ้มๆ หนูก็ขอบคุณเค้า สักพักเค้าเริ่มไม่ใช่ละ เค้าเริ่มแบบ น้องไอซ์นั่งอยู่ต่อมั้ย หนูก็บอกไม่เป็นไรค่ะ พอกลับบ้าน หนูก็กลัวเค้าไม่โอเคกับเรา หนูก็เลยส่งข้อความไป ขอบคุณนะคะสำหรับดอกไม้

ice tamolwan 07ซ้อมหนักแค่ไหน

หนูเป็นคนนิสัยไม่ค่อยดี ชอบมาซ้อมใกล้ ๆ วัน ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ค่อยโอเคน่ะค่ะ เสียงจะแหบบ่อย เจ็บคอบ่อย แต่มีเรื่องเรียนด้วยน่ะค่ะ หนูเรียนห้องวิทย์–คณิต เป็นห้องเข้ม ที่บุญเรียกว่าห้อง ISMEP คือเรียนคณิตเป็นภาษาอังกฤษแบบนี้ เรียนฟิสิกส์ เคมี ชีวะ เป็นภาษาอังกฤษ เรียนแบบเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย แค่การบ้านกับอ่านหนังสือเตรียมสอบซึ่งสอบไม่เหมือนชาวบ้านอยู่แล้วห้องนี้ มันก็หนักพอตัวอยู่แล้ว ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนแบ่งเวลาไม่ค่อยชัด อย่างหนูทำการบ้านช่วงสองทุ่มถึงสี่ทุ่ม มันก็เริ่มดึกแล้วนะคะ หนูก็จะไม่ค่อยมีเวลาที่จะซ้อมร้องเพลง หนูก็จะใช้เวลาช่วงเที่ยงที่โรงเรียน ช่วงไหนหนูว่างหนูจะฟัง อย่างถ้าวันเสาร์หนูต้องร้องเพลงนี้นะ หนูก็ฟังเรื่อยๆ อาศัยการฟังมากกว่า ใช้การฟังบ่อยๆเราจะสามารถจำเนื้อได้ พอจำเนื้อได้ เราก็ค่อยมาเน้นเรื่องการร้องทีหลัง ในกรู๊ฟมันเป็นแบบนี้นะ ต้องร้องให้ตรงกับทางกรู๊ฟของมัน เรื่องเทคนิคไอซ์จะร้องไม่ค่อยเยอะน่ะค่ะ ไอซ์ใช้ฟีล เน้นฟีลตัวเอง เป็นคนร้องเพลงใช้อารมณ์มากกว่าใช้เทคนิค

หัดเล่นเครื่องดนตรีอะไรอยู่รึเปล่า

มีกีตาร์น่ะค่ะ ไปถอยมาใหม่สดๆร้อนๆสองวันที่แล้ว คนเห็นเราร้องเพลงอยู่กับไมค์อยู่กับหน้าจอปกติเรื่อยๆก็คงเบื่อน่ะพี่ เค้าก็คงอยากเห็นว่าไอซ์ทำอย่างอื่นได้มั้ย ไอซ์ก็เลยลองไปซื้อกีตาร์มา มาลองหัดลองเล่น ลงไปแล้วหนึ่งคลิปเมื่อวานนี้ (หัวเราะ) ฟีดแบ็คดีมาก ว่าเอ้ย พี่ไอซ์เล่นกีตาร์แล้ว หนูเกรงใจคนอื่นด้วยน่ะค่ะ เพราะเวลาหนูจะอัดคลิป หนูก็ต้องโทรหาเพื่อน เออ! วันนี้จะไปอัดเพลงนะ เล่นกีตาร์ให้หน่อย หนูก็เกรงใจเค้า เค้าก็คงมีอย่างอื่นอยากทำ เราก็เลยซื้อเองบ้าง เดี๋ยวฝึกเอา

มีงานร้องประจำที่ไหนบ้าง

ประจำไม่มีค่ะ จะรับเป็นอีเว้นท์ซะมากกว่า เดี๋ยวจะมี Buzz Lane หน้า The Mall วันที่ 18 , 19 , 20 มีนาคมนี้ค่ะ

พูดถึงซิงเกิ้ลแรก “งอน” หน่อย

ตอนที่ไอซ์ทำตอนนั้นยังไม่มีกระแส ทำขึ้นมากับทางครูโด่ง คือเหมือนให้รู้ว่าลองทำดู กลุ่มที่ฟังก็จะเป็นกลุ่มเพื่อน แล้วเพื่อนเอาไปปล่อย 4shared ด้วย ไอซ์แบบ อ้าว… เพื่อนเป็นคนเอาลิ้งค์ไปปล่อย (หัวเราะ) ก็สนุกสนานเฮฮาตามปกติน่ะค่ะ แล้วพอเราเริ่มมีกระแส คนเริ่มเข้าไปฟังทางช่อง B-Star Music แล้วเค้าก็ย้อนดูเพลงเก่าๆ ก็ไปเจอเพลงงอนของเรา เราก็เลยเอามาโปรโมตอีกทีว่า เราเคยทำเพลงนะ เป็นเพลงนี้ ตอนแรกยอดวิวไม่เกินสองหมื่น จนตอนนี้มันพุ่งเป็นล้านแล้วน่ะค่ะ แค่นี้ก็แบบ เกินคาด (ยิ้ม)

แล้วจะมีผลงานอะไรต่อบ้าง

มีค่ะ มีทำซิงเกิ้ลกับนิตยสาร SOFT House ค่ะ เหมือนเค้าไปเจอไอซ์ผ่านทาง Facebook แล้วชอบไอซ์ร้องเพลง ก็เลยแต่งเพลงซิงเกิ้ลมาให้ไอซ์หนึ่งเพลง แต่จะปล่อยนี่ไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่ อย่างอื่นก็ งานที่เข้ามาตอนนี้ก็จะหลากหลายน่ะค่ะ มีทั้งงานสัมภาษณ์หนังสือ มีถ่ายปก ถ่ายนิตยสาร เล่น MV แล้วก็จะมีซิงเกิ้ลอีกเพลงนึงน่ะค่ะ ทำกับทางบีสตาร์ ชื่อเพลงนับดาว

ชอบอะไรในการร้องเพลง

ที่หนูบอกว่าตัวเองเป็นคนขี้นอย แต่เวลาหนูร้องเพลงหนูจะลืม หนูจะลืมทุกอย่างที่หนูคิดว่าหนูนอยอยู่ ร้องเพลงเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เรารู้สึกไม่ต้องคิดอะไรน่ะค่ะ คิดแค่ว่าร้องเพลงนี้ คิดอยู่กับในเพลงน่ะค่ะ เป็นตัวช่วยหนูมากกว่า เป็นตัวช่วยให้หนูมีความสุข แล้วหนูคิดว่ามันไม่ใช่แค่หนู เคยอัดคลิปลงปกติน่ะค่ะ แล้วมีคอมเม้นต์นึงใน youtube ว่า “ชอบไอซ์ร้องเพลง” แล้วเหมือนพี่คนนี้ตอนนั้นเค้าไม่ค่อยโอเค เค้าเศร้าน่ะค่ะ ชีวิตไม่ค่อยแฮปปี้ แล้วพอเค้าฟังเราร้องเพลงแล้วเค้ารู้สึกว่ามันโอเคขึ้น เวลาที่เค้าไม่โอเคเค้าก็เลือกจะมาฟังเราร้องเพลงตลอด เหมือนเราช่วยเค้าแฮปปี้ได้ แค่นี้เราก็ดีใจแล้ว เป็นส่วนนึงที่ทำให้เค้าไม่เครียด คิดว่าคงไม่ใช่แค่เราแล้วล่ะ ที่ร้องเพลงแล้วหาย คนอื่นคงเป็นเหมือนกัน

แล้วจะร้องจนตลอดชีวิตเลยมั้ย

ถ้าทำได้ก็ทำค่ะ หนูกล้าพูดตรงนี้ว่า หนูร้องเพลงทุกวัน ไม่ใช่ร้องจริงจังนะคะ ว่างๆหนูนอนเล่นอยู่ หนูอยากร้องหนูก็ร้องขึ้นมา สักพักหนูก็หยิบกีตาร์ลองเล่น คือชีวิตหนูอยู่แต่กับเพลงน่ะค่ะ ไม่มีเบื่อ ไม่เคยเบื่อเสียงดนตรี สามารถร้องได้ตลอด อยู่กับมันได้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นตอนไหนอะไรยังไง ขอแค่แบบมีเพลงมา เวลาทำการบ้านเนี่ย หนูต้องเปิดเพลงแล้วทำไป หนูว่าหนูโอเคกว่าให้หนูนั่งทำเงียบๆเคร่งๆ หนูว่ามันเครียดไป

วันไหนไม่ได้ร้องเพลงล่ะ

หนูเคยเสียงแหบ ร้องไม่ได้ แทบบ้าน่ะพี่ เคยไปประกวดแล้วเส้นเสียงหนูอักเสบ เส้นเลือดฝอยในคอแตก แล้วหนูเป็นคนพูดมาก อึดอัด หนูก็ร้องอย่างนั้นล่ะ เสียงแหบๆหนูก็ร้องแบบนั้นแหล่ะ เวลาเรานั่งอยู่ว่างๆเราก็ร้องเพลงขึ้นมา มันเป็นความเคยชินของเราไปแล้ว ถ้าวันไหนไม่ร้องหนูคงอึดอัดมาก

ขอขอบคุณ โรงเรียนดนตรี บี สตาร์ สำหรับสถานที่สัมภาษณ์ครับ

https://www.facebook.com/Bstarfanpage