เป็นกระแสแชร์กันในโลกออนไลน์ ในเรื่องราวของความมีน้ำใจไม่ทอดทิ้งกัน เมื่อร้านอาหาร “ลาบลอย” ซึ่งอยู่ถนนยมราช ประกาศผ่าน Facebook ให้นักดนตรี และคนกลางคืน มารับประทานอาหารที่ร้านกันได้ฟรี We Korat จึงไปพูดคุยกับร้านลาบลอยถึงที่มาที่ไปของไอเดียนี้กัน
ซึ่งจากมติของคณะรัฐมนตรีให้งดการจัดงานรื่นเริง งานมหรสพต่างๆ เป็นเวลา 30 วัน ส่งผลกระทบต่อนักดนตรีและธุรกิจบันเทิง ทำให้คุณโก๋ เศรษฐศรันย์ สืบพรหม หนึ่งในหุ้นส่วนของร้านลาบลอย เกิดความคิดว่าจะช่วยเหลือคนทำงานเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง เพราะตนเองก็เป็นคนทำงานในแวดวงนี้เช่นกัน
คุณโก๋เล่าให้ฟังว่า ในคืนวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม 2559 หลังทราบข่าวการสวรรคต ตนเองก็รู้สึกเสียใจเช่นเดียวกับคนไทยทุกคน ขณะนั้นกำลังขับรถกลับจากงานที่อุบลราชธานีก็ร้องไห้ตลอดทาง ขณะเดียวกันก็เกิดเป็นห่วงน้องๆ ในวงการดนตรี เนื่องจากงานต่างๆ ถูกงดและขาดรายได้ จึงเป็นที่มาของประกาศดังกล่าว
“ไอเดียนี้คิดมาแบบกะทันหัน เราคุยกันในหุ้นส่วน ทุกคนโอเค เราก็ลุยเลย จึงเห็นว่าภาษาคำที่ใช้เราก็ยังห้วนๆ เพราะเราคิดแค่นั้นเลยว่าจะทำ มีคนบอกว่าเราฉกฉวยโอกาสหรือเปล่า บอกเลยว่าไม่ได้คิด เราแค่คิดอยากช่วยเหลือแล้วก็ทำทันที” คุณโก๋เล่าให้เราฟังต่อ ซึ่งแนวทางนั้นก็เรียบง่าย พอเพียง อาหารที่ให้ทานก็เป็นข้าวผัดกะเพราไก่ ไข่ดาว ทานให้อิ่มท้อง พร้อมออกไปลุยกับชีวิตกันต่อ ใครที่เขิน อยากให้เงินช่วยสิบบาท ยี่สิบบาท หรือจะล้างจานก็ได้ทั้งนั้น
หลังจากประกาศแคมเปญนี้ออกไป ก็มีผู้ติดต่อขอร่วมสนับสนุนหลายราย โดยทางร้านจะขอรับเป็นสิ่งของ วัตถุดิบเท่านั้น ไม่เอาเงินสด เช่นร้านขนมแม่ยุพาก็นำขนมมาให้ ส่วนร้านไล้กี่บะหมี่เกี๊ยว (บะหมี่เจ๊ไหล่) ก็นำเส้นบะหมี่วัตถุดิบมาให้ นอกจากนี้บางร้านที่ไม่ประสงค์เปิดเผยก็นำข้าวสารมาให้ที่ร้านเช่นกัน
คุณโก๋ปิดท้ายว่า ทุกคนต่างก็เศร้าเสียใจกับเหตุการณ์นี้กันทั้งนั้น แต่ชีวิตต้องดำเนินต่อไป คนที่เดือดร้อนจริงๆ ก็มี หากสิ่งใดที่ร้านเล็กๆ อย่างเราสามารถทำได้แบบพอประมาณเพื่อในหลวงของพวกเรา ก็เป็นสิ่งดีที่ควรทำทั้งนั้น
อนึ่ง: ยังมีร้านอาหารอีกหลายแห่ง ที่เปิดให้นักดนตรีมาทานได้ฟรี อาทิ DOM Café & Bistro (กรุงเทพฯ) หรือร้านแล้วแต่กะเพรา (ขอนแก่น) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของร้านลาบลอย สามารถดูได้ที่วงในดอทคอม
