ในวันนี้ (12 มิถุนายน 2563) ศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 หรือ ศบค. ได้ประกาศมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 4 จากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย มีแนวโน้มที่ดีมากขึ้นมาโดยตลอด ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศมากว่า 2 สัปดาห์ โดยการผ่อนปรนเฟส 4 คาดว่าจะมีผลตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป รายละเอียดดังนี้
ยกเลิกเคอฟิว
- ยกเลิกคำสั่งการห้ามออกนอกเคหสถาน หรือ เคอฟิว
- ยังคงมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ต่อไป
ธุรกิจที่ปลดล็อกในเฟส 4 เพิ่มเติม
รายละเอียดกลุ่มธุรกิจ กิจการ-กิจกรรม ที่ผ่อนปรนเพิ่มเติมในระยะที่ 4 มีดังต่อไปนี้
(1) การศึกษา โรงเรียนนานาชาติ และสถาบันการศึกษา เปิดทำการได้ ส่วนโรงเรียนในระบบที่มีนักเรียนไม่เกิน 120 คน สามารถเปิดได้
(2) ห้องประชุม ศูนย์ประชุม ศูนย์แสดงสินค้า สามารถจัดประชุม อบรม สัมมนา จัดเลี้ยง งานอีเว้นท์ เปิดตัวสินค้า ประกวด แข่งขันกีฬา ดนตรี คอนเสิร์ต โดยมีระยะห่าง ลดความหนาแน่น เกณฑ์คือ ประชุมสัมมนา 4 ตร.ม./คน, งานเลี้ยง อีเวนต์ กีฬา ระยะห่าง 1 เมตร, คอนเสิร์ต 5 ตร.ม./คน
(3) ร้านอาหาร เปิดให้บริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ได้ ไม่รวมสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ โรงเบียร์ ที่ให้ปิดต่อ
(4) สถานพัฒนาเด็กเล็กปฐมวัย ศูนย์เด็กเล็ก สถานรับเลี้ยงเด็กเล็กรายวัน สถานดูแลผู้สูงอายุรายวัน
(5) ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา เปิดเข้าชมแบบเป็นกลุ่ม เป็นรอบ
(6) กองถ่ายทำภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ รวมทุกแผนกไม่เกิน 150 คน มีผู้เข้าชมไม่เกิน 50 คน
(7) สปา ออนเซ็น อบตัว อบสมุนไพร อบไอน้ำ เปิดให้บริการได้ ยกเว้นสถานบริการ อาบ อบ นวด เกณฑ์ให้บริการ 5 ตร.ม./คน
(8) ลานออกกำลังกาย สวนสาธารณะ ทำกิจกรรมรวมกลุ่มเช่น เต้นแอโรบิก เกณฑ์ 5 ตร.ม./คน รวมไม่เกิน 50 คน
(9) สวนสนุก สนามเด็กเล่น สวนน้ำ สระว่ายน้ำสาธารณะ เปิดให้บริการได้ ยกเว้นเครื่องเล่นติดตั้งชั่วคราว หรือเครื่องเล่นที่มีผิวสัมผัสมาก เช่น บ้านบอล บ้านลม
(10) สนามกีฬา ให้บริการกีฬาได้ทุกประเภทตามกติกาสากล จัดการแข่งขันได้โดยไม่มีผู้ชม สามารถถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ได้
(11) ตู้เกมส์ เครื่องเล่นหยอดเหรียญ เฉพาะที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า สวนสนุก
(12) ขนส่งสาธารณะทุกประเภท ผู้โดยสารนั่งติดกันได้ 2 ที่นั่ง เว้น 1 ที่นั่ง จำนวนรวมไม่เกิน 70% ของความจุผู้โดยสารมาตรฐาน
(ข้อมูลอัพเดต ณ วันที่ 12 มิถุนายน 2563 12.30น. จากการแถลงข่าวของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19)